Google

Wednesday, August 26, 2009

ไต้หวันสั่งห้ามใช้ถุงพลาสติกเพื่อลดปริมาณขยะ


Taiwan Bans Plastics to Reduce Waste

ในบ้านเราหรือแม้แต่ประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศนั้นขยะถุงพลาสติกเป็นปัญหากับการจัดการเรื่องการกำจัดขยะมากโขอยู่

ไต้หวันเองก็เคยประสบปัญหาเรื่องถุงขยะพลาสติกเหมือนกับประเทศอื่นๆ มาก่อน แต่ตอนนี้ไต้หวันใช้นโยบายและเทคนิคของไต้หวันเองในการรณรงค์ให้ปลอดถุงพลาสติก

หากใครที่ไปเที่ยวไต้หวัน และซื้อของตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ทางร้านเขาจะไม่ให้ถุงพลาสติกมาเหมือนบ้านเรา หากเราซื้อของเยอะ เราก็ต้องเอาถุงหรือกระเป๋าไปเอง และหากเราไม่มีถุง แล้วอยากได้ถุงใส่ของที่ซื้อ เราต้องเสียเงิน ๑ ดอลลาร์(ไต้หวัน)เพื่อเป็นค่าธรรมเนียม เจตนาก็เพื่อไม่ให้เราใช้ถุงพลาสติกนั่นเอง

ไต้หวันเป็นเกาะเล็กๆ แต่มีพลเมืองหนาแน่น เนื่องจากมีพลเมืองประมาณ ๒๓ ล้านคนใช้ถุงพลาสติกประมาณ ปีละ สองหมื่นล้านใบ นั่นหมายถึคนไต้หวันใช้ถุงพลาสติกกันคนละ๒.๕ ใบต่อคน

ว่ากันว่าคนไต้หวันกว่า ๑๖ ล้านกินข้าวนอกบ้านอย่างน้อยหนึ่งมื้อโดยซื้อจากร้านสะดวกซื้อบ้าง ตามสถานีรถไฟบ้าง ตามแผงขายอาหารข้างทางบ้าง ร้านก็ใส่ถุงพลาสติกมาให้ ลองคิดดูว่าถึงพลาสติกจะมากขนาดไหน

ไต้หวันจึงออกกฎหมายไม่ให้ทางร้านให้ถุงพลาสติกกับลูกค้าฟรีๆ ไม่ว่าจะป็นร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อห้ามหมดโดยรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถลดขยะถุงพลาสติกได้ถึงร้อยละ ๓๐

ก็อย่างว่า อุตสาหกรรมพลาสติกก็ออกมาโวยวายกันใหญ่ว่า อย่างนี้อั้วก็ซี้น่ะสิ เพราะทำให้กิจการทั้งหลายแหล่เกี่ยวพลาสติกต้องพากันเจ้งไปหมด

แน่นอนทำอะไรใหม่ๆ ก็ต้องมีผลกระทบ แต่หากมัวนึกถึงแต่นายทุน ไม่นึกถึงส่วนรวม ประเทศก็ไปไม่ได้ ไม่เหมือนของเรา นึกถึงพรรคพวกตัวเองก่อนส่วนรวม

การที่ไต้หวันออกกฎหมายใหม่นี้ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก ๗๕,๐๐๐ ประเภทต้องปฏิบัติตามกฏหมายใหม่นี้ แต่หากบริษัทที่ว่าเหล่านี้ละเมิดกฎหมายจะถูกปรับประมาณ ๑,๗๐๐ ถึง ๘,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐทีเดียว

ในช่วงแรกๆของกฎหมายบังคับใช้บริษัทพลาสติก ๓ บริษัทและตัวแทนจำหน่าย ๑๐ แห่งต้องปิดตัวเองลงไป รวมๆ แล้วบริษัทเหล่านี้ต้องลดการผลิตลงกว่าครึ่ง ปลดคนงานไปกว่า ๕๐,๐๐๐ อัตรา รัฐบาลก็เข้าไปช่วยคนงานที่ถูกลอยแพและช่วยบริษัทเหล่านั้นปรับกลยุทธในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้

แต่สิ่งที่ผมชอบก็คือรัฐบาลปฏิเสธคำร้องของสมาคมผู้ผลิตพลาสติกที่ให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก ๕ ปี และรัฐบาลยังปฏิเสธคำแนะนำให้ใช้โครงการนำกลับมาใช้ใหม่ (recycling program) แทนโดยบอกว่าโครงการที่ว่านั้นล้มเหลวไปแล้วในอดีต

เห็นรัฐบาลของเขาแล้วชื่นใจแทน หากทำในประเทศเราบ้างก็ดีน่ะสิ แต่คงยาก ก็อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่

ภาพจาก Fade to Green

ระบบการเก็บขยะในไทเป




ได้ดูรายการ “ไทยมุง” ในโทรทัศน์ ThaiPBS (ไม่ทราบว่าทำไมสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ จึงเรียกชื่อเป็นฝรั่ง ทั้งๆ ที่เป็นของคนไทย) ซึ่งเขาเชิญพนักงานกวาดถนนสองคนมาสัมภาษณ์ ได้ฟังชีวิตการทำงานของทั้งสองแล้ว เห็นใจมากเพราะคนเดินถนนบ้านเราทิ้งขยะไม่เลือกที่ ไม่ใช่แค่เป็นภาระของคนกวาดถนนเท่านั้น แต่เป็นภาระของเมือง ของประเทศด้วย

ทำให้คิดถึงระบบการเก็บขยะของเมืองใหญ่อย่างไทเป ของไต้หวันขึ้นมา

ระบบการเก็บขยะของไทเปนั้น ตอนนี้แตกต่างจากเมืองอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อหลายปีก่อนนั้นไทเปก็เหมือนกับประเทศอื่นๆ คือคนทิ้งขยะในถังที่วางอยู่ข้างถนน แล้วมีรถขยะมาเก็บไปกำจัด แต่เนื่องจากเกาะแห่งนี้เป็นเกาะเล็กๆ มีพลเมืองหนาแน่น จุดทิ้งขยะบางจุดมีขยะมาก สกปรก ส่งกลิ่นเหม็น ทำให้หนูออกมารื้อค้นขยะ แมลงวันบินมาตอมหึ่ง ไม่น่าดู ทั้งๆ ที่บ้านเมืองดูทันสมัย

รัฐบาลกลางจึงตัดสินในเปลี่ยนระบบการเก็บขยะเสียใหม่และขอให้ประชาชนนำขยะจากครัวเรือนและขยะส่วนตัวของตนออกมาทิ้งที่รถขยะตอนค่ำๆ และเพื่อให้คนรู้ว่ารถขยะมาแล้ว เขาก็ติดตั้งสัญญาณที่เป็นเสียงเพลง(ที่ผมเคยได้ยิน มีสองเพลง คือเพลง “A Maiden's Prayer” ของ Tekla Badarzewska-Baranowska ส่วนอีกเพลงเรียกชื่อไม่ถูกเหมือนกัน) เรียกคนเอาขยะมาทิ้ง รถขยะที่นั่นสีเหลืองครับ รถขยะจะจอดอยู่ตามหัวถนน หรือทางแยกเพื่อให้คนมาทิ้งขยะได้สะดวก

เราจะเอาขยะอะไรไปทิ้งส่งเดชไม่ได้นะครับ ต้องทิ้งตามปฏิทินที่ทางการการแจกมา เช่น วันจันทร์ เขาจะรับขยะเฉพาะขยะเป็นพิษ วันอังคารจะรับขยะที่เป็นแก้วหรือขวด วันพฤหัสจะรับขยะที่เป็นพลาสติก ในศุกร์จะรับขยะทั่วไป อะไรเทือกนั้น

ตอนที่ผมไปอยู่ที่นั่น เพื่อนเราเอาปฏิทินที่เขาทำแจกเป็นรูปการ์ตูนแต่ละวันแปะไว้ที่ข้างประตูเพื่อให้เรารู้ว่าวันนี้เราจะเอาอะไรไปทิ้งในคืนนั้น เพื่อนบอกว่าบางวันเขากลับดึก ให้เราช่วยเอาขยะไปทิ้งให้ด้วย ผม ผมก็ช่วยทำให้เพราะรถขยะไม่ได้มาทุกวันนะครับ

ถามว่าเราจะเอาขยะไปทิ้งตามถังขยะข้างถนนได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ได้ เพราะไม่มีถังขยะตามถนนแล้ว เราต้องเก็บไว้คอยรถขยะอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น เขาเลิกวางถึงขยะไปแล้ว ที่น่าสังเกตก็คือ ไม่ค่อยมีขยะทิ้งเรี่ยราดตามท้องถนนเท่าไรนัก เพราะคนของเขาเริ่มรู้หน้าที่ต่อตนเองและส่วนรวมมากขึ้น (ไม่แน่ใจว่ามากกว่าคนไทยเราหรือเปล่า)

หันมาดูในบ้านเรา การเก็บขยะก็ยังทำแบบเดิมๆ บ่องครั้งที่คนกวาดถนนตกอยูในภาวะเสี่ยงกับอัตรายจากยวดยานพาหนะ จากพิษของขยะเอง จากฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ่งท่ามกลางแดดร้อนแทบละลาย

หากเรายังไม่มีระบบการจัดเก็บที่ได้ผล ก็ลองเอาของไต้หวันหรือออสเตรเลียมาประยุกต์ใช้ก็ได้ครับ

ภาพจาก culture.tw

Monday, August 24, 2009

คนตกงานในไต้หวัน


บ้านเราเริ่มมีคนบ่นเรื่องการว่างมากขึ้นด้วยเหตุพิษเศรษฐกิจที่กระหน่ำไปทั่วโลก ก็กระทบไปทุกประเทศไม่เว้นแม้แต่ไต้หวัน

หนังสือพิมพ์ China Post ของไต้หวัน ฉบับวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ รายงานว่าอัตราการว่างในประเทศนี้ก็ไม่น้อยหน้า ทำสถิติพุ่งขึ้นไปถึงร้อยละ ๖.๐๗ เมื่อเดือนกรกฎาคม คิดเป็นจำนวนคนว่างงานประมาณ๖๖๓,๐๐๐ คน ก็ไม่เบานะสำหรับประเทศที่ไม่ใช่ประเทศยากจนอีกแล้ว

ว่ากันว่าสถิติในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นไปถึงร้อยละ ๖ เริ่มตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเริ่มรวบรวมสถิติคนว่างงานไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๒๑

ฝ่ายทางการก็ออกมาแถลงแจงให้ฟังว่าสติถิการว่างงานล่าสุดนี้ส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจาการที่บัณฑิตจบใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคฤดูร้อนนี้ก็ได้

ก็ต้องยอมรับว่าประเทศไหนๆ ก็ประสบภาวะนี้กันทั่วหน้า อย่าไปคิดอะไรมากครับ ประหยัดๆ หน่อยก็พออยู่ไปก่อน

ภาพจาก Topnews.In

Wednesday, August 19, 2009

ทหารหญิงไต้หวัน



เห็นภาพทหารหญิงไต้หวันที่ออกช่วยชาวบ้านที่ประสบเคราะห์จากไต้ฝุ่นมรกตแล้วชื่นชมพวกเธอเหล่านั้นมาก เสียสละช่วยเพือนมนุษย์ เราไม่ค่อยพบการเสียสละลักษณะนี้ในหมู่วัยรุ่นหญิงของไทย คงมัวไปกรี้ดๆ กันหน้าเวทีคอนเสิร์ตวงดนตรีเกาหลีจนลืมคุณค่าและศักยภาพที่แท้จริงความเป็นหญิงไทยของตน

ปัจจุบันมีทหารหญิงไต้หวันประจำกองทัพอยู่ประมาณ ๘,๒๐๐ คน (สถิติเมื่อสามปีก่อน) ทหารทั้งหมดทั้งที่ประจำการตามฐานทัพและไม่ได้ประจำการเหล่านั้นล้วนจบมาจากสถาบันทหารของประเทศทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม จากการออกกฎหมายทหาร (Military Service Law ) เมื่อสี่ปีก่อนที่อนุญาตให้สตรีที่อยากจะเข้าร่วมในกองทัพสามารถสมัครได้โดยไม่ต้องจบสถาบันทหารก่อน อาจทำให้จำนวนทหารหญิงในกองทัพจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ข้อมุลประกอบจาก Taipei Times

ภาพจาก Photographers Direct

Tuesday, August 18, 2009

นักการเมืองกับปาก


ลองมาดูข่าวความหายนะครั้งใหญ่ของไต้หวันกับความรับผิดชอบของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศดุบ้างครับ อาจได้ข้อคิดอะไรดีๆบ้าง นอกจากเรียนภาษาอังกฤษจากข่าวที่เกิดขึ้น

Taiwanese President Ma Ying-jeou sharply raise the expected death toll from Typhoon Morakot on Friday to more than 500, amid mounting criticism of his handling of the worst storm to strike the island in over 50 years.


ข่าวนำของข่าวนี้บอกว่า

ประธานาธิบดี มา ยิงเจียวของไต้หวันยอมรับว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นมรกตเมื่อวันศุกร์นั้นอาจสูงกว่า ๕๐๐ ศพ ท่ามกลางการวิพากวิจารณ์ว่ามาตรการการช่วยเหลือของเขานั้นยังไม่เร็วพอที่จะรับมือกับพายุใหญ่ในรอบ ๕๐ ปีที่กระหน่ำเกาะไต้หวัน

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าประธานาธิบดีของไต้หวันคนนี้ดันไปพูดกับสื่อโทรทัศน์อิสระของอังกฤษ (ITN) ก่อนหน้านั้นว่า

"They were not fully prepared. If they were, they should have been evacuated much earlier," Ma told an ITN reporter. "They didn't realize how serious the disaster was."

พูดทำนองว่า

“ประชาชนไม่ได้เตรียมรับสถาการณ์ให้ดีพอ พวกเขาควรจะอพยพออกไปให้เร็วกว่านี้ ประชาชนไม่รู้ว่าความเสียหายนั้นร้ายแรงขนาดไหน”

ว่าไปนั่น

ขอแสดงความเสียใจกับผู้ประสบเคราะห์เหล่านั้นด้วยครับ

แหล่งที่มา China Post

ภาพจาก Telegraph.co.uk