Google

Monday, December 10, 2007

Tamsui Oxford University College (3)


สภาพภายในมหาวิทยาลัยก็ยังมีรถสกูเตอร์ พาหนะยอดฮิตของชาวไต้หวันจอดเรียงรายอยู่ให้เห็นอยู่มากมายเหมือนที่อื่นๆ ของไทเป บรรยากาศร่มรื่น อาคารแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก เหลือร่องรอยยุคเผยแพร่ศาสนาของชาวตะวันตกในไต้หวันให้เห็นอยู่ ดูขรึมๆ ดี

Tamsui Oxford University College (2)


ทัศนียภาพอีกมุมหนึ่งภายในมหาวิทยาลัย Tamsui Oxford University College เงียบสงบ ห้องสมุดใหญ่โต ผมเข้าไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ครึ่งวัน บรรยากาศน่าเรียน

Tamsui Oxford University College



มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขา ไม่ห่างจาก Fort San Domingo นัก เดิม ชื่อ Junior College เป็นสถานศึกษาแบบตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน ทัศนัยภาพภายในมหาวิทยาลัยสวยงามมาก

ผู้ที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ คือ Dr. George Leslie Mackay หมอสอนศาสนาชาวแคนาดาที่เดินทางมาไต้หวันเมื่อพ.ศ. 2415

ภายในมหาวิทยาลัยมีอาคารเก่าแก่ คือ Oxford hall ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 2425 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเป็นโรงเรียนมัธยม ชื่อ Tamkang Middle School ซึ่งหมอสอนศาสนาผู้นี้ได้สร้างขึ้นมาเช่นกัน

Fort San Domingo


แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของตั้มสุ่ย (Tamsui)ได้แก่ ป้อม Fort San Domingo ชื่อจีนอ่านออกเสียงว่า ฮง เหมา เช็ง แปลว่า ”เมืองพวกหัวแดง “

ตามตำนานบอกว่าป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงพวกเสปญยึดครองทางเหนือของไต้หวันในช่วง พ.ศ. 2169 ถึงช่วง พ.ศ. 2184 และอาคารของป้องแห่งนี้จัดว่าเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไต้หวัน

ต่อมา ชาวดัตช์เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้และใช้กำลังเข้าขับไล่ชาวสเปญออกไปเมื่อ พ.ศ. 2484 หลังจากนั้นชาวดัตช์ก็ถูกขับไล่อกไปจากจีนเมื่อ พ.ศ. 2204

พอมาถึงปีพ.ศ. 2267 ป้อมแห่งนี้ได้รับการบูรณะใหม่ มีการสร้างกำแพงซึ่งมีประตูสี่ด้านล้อมรอบป้อม ปัจจุบันประตูทั้งสามหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ประตูที่สี่เท่านั้น

พอมาถึงปีพ.ศ. 2410 พวกยุโรปหวนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ทางการให้อังกฤษเช่าสถานกงสุลในไต้หวัน พวกอังกฤษได้ก่อสร้างอาคารที่พักของกงสุลด้วยอิฐสีแดงต่อจากป้อม เมื่อพ.ศ. 2434

ต่อมาทางการอังกฤษตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันและย้ายออกจากป้อมแห่งนี้ไป เมื่อพ.ศ. 2515 สถานกงสุลจึงปิดไป ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม

อัตราค่าเข้าชมพิพิภัณฑ์ก็แค่ 20 NT$ ครับ

2/28 Peace Park


สวนแห่งนี้เมื่อก่อนชื่อ Taipei Park บ้างก็เรียก New Park ก็มี แต่ต่อมานายกเทศมนตรี เฉิน สุ่ย เปียน (ตอนหลังเป็นประธานาธิบดีของไต้หวัน)เปลี่ยนชื่อเป็น “สวนสันติ” หรือ Peace park

สวนสาธารณะแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อุทิศให้แก่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านก๊กมินตั๋ง (KMT)และชาวบ้านชาวช่องที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวโดนลูกหลงจากการใช้กำลังปราบปรามของพวกทหารเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 ทำให้มีคนตายไปมากมาย

ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ประกอบด้วยสามส่วนใหญ่ๆ คือ บึงขนาดใหญ่รายล้อมสวน ในบึงมีดอกบัวปลูกสวยงาม มีเจดีย์จีนสวยๆศาลาจีนและพิพิธภัณฑ์ บริเวณกว้างขวางมาก มีผู้คนเข้าไปพักผ่อนกันไม่ขาดสายทั้งวัน

ร้านเก๋ บนเขา หยางหมิง


ร้านขายผลิตผลท้องถิ่นบนเขาร้านหนึ่ง จัดแต่งร้านให้ดูเก๋เพื่อเรียกลูกค้าให้เข้าไปเดินเที่ยวและซื้อของของตน บางร้านขายดอกไม้ ขายผักปลอดสารพิษ ปรุง ผักกันสดๆ ที่นั่น มีคนนั่งทานกันเยอะ ปัจจุบันรัฐบาลจำกัดผู้บุกรุกรายใหม่ไม่ให้ขึ้นไปจับจองที่ทำกินบนอุทยาน อนุญาตเฉพาะคนที่อยู่มาก่อนเท่านั้น

ชาดอกไม้ บนเขาหยางหมิง


บนเขาหยางหมิง มีร้านรวงไว้บริการนักท่องเที่ยวคล้ายกับที่อื่นๆ แต่ที่น่าสนใจ คือ ร้านชา

ร้านชาบนเขาหยางหมิงนั้น ไม่ใช่แค่เข้าไปดื่มชาธรรมดาๆ แต่เขานำดอกไม้ต่างๆ มาตาก ผ่านกรรมวิธีและนำมาชง มีดอกไม้หลายชนิด ตั้งแต่ชากุหลาบ ไปจนถึงชาลาเวนเดอร์

วิธีการเสิร์ฟของเขาก็แปลกดี โดยเขามีชาดอกไม้ต้มน้ำร้อนมาให้กาหนึ่ง ส่วนอีกกาก็เป็นนมสด เราสั่งชากุหลาบ มาลองดื่ม กลิ่นหอมมาก หากน้ำร้อนในกาหมด เราสามารถขอน้ำได้ไม่อั้น(น้ำร้อนนะครับ ไม่ใช่นม) ราคาประมาณร้อยกว่าเศษๆ ราคายุติธรรม ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ

ภายในร้านเขาตกแต่งไว้อย่างสวยงามตามสไตล์แบบภูเขา วันเสาร์ อาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวจากไทเปมาเที่ยวกันหนาตา

Sunday, December 9, 2007

Yangmingshan National Park


อุทยานแห่งชาติ หยางหมิงซาน

อุทยานแห่งนี้เป็นอุทยานที่สวยที่สุดในไทเป หยางหมิงเป็นภูเขาที่พาดยาวเหยียดอยู่ทางเหนือของกรุงไทเป ภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟ แต่ตอนนี้ภูเขาไฟสงบลงแล้ว (แต่ก็ยังมีน้ำพุร้อนปุดๆ ขึ้นมาให้เห็นหลายบ่อ)

บนภูเขาหยางหมิงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีดอกไม้สวยงามมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ตอนที่ดอกเชอรี่หรือดอกซากุระบานสะพรั่ง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมักขึ้นมาดูดอกไม้กันหนาตาโดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ที่เห็นอยู่ด้านหลังของผม เป็นนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยพันธุ์ไม้สวยงาม นักท่องเที่ยวชอบมายืนแอ้คถ่ายรูป รวมทั้งผมด้วย

คนงานต่างชาติประท้วงในไต้หวัน

Migrants protest working conditions

VACATION: Labor organizations will stage a march today to seek vacation rights for foreign caregivers as part of a three-day international conference on human rights

จาก TAIPEI TIMES วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ค่ำนี้ได้ดูข่าวโทรทัศน์เกี่ยวกับคนงาน(รวมทั้งแรงงานไทย)ในไต้หวันเดินขบวนประท้วง นายจ้างที่ให้ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุดพักผ่อน รู้สึกเศร้าและไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินเรื่องราวลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ในไต้หวัน ไต้หวันเองมีด้านสว่างก็มีด้านมืดด้วย

ในไต้หวันมีแรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานมาก โดยเฉพาะงานหนักๆ เช่นงานก่อสร้างที่คนไทยชอบไปทำกัน งานตามโรงงานอุตสาหกรรม งานดูแลคนแก่และงานอื่นๆ อีกที่คนไต้หวันเองไม่ทำ ด้วยคิดว่าค่าแรงแพงกว่าบ้านเรา อย่างไรก็ตามเมื่อไปแล้วก็พบว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกัน บางคนก็เลยตามเลย บางคนก็ขอกลับแบบไม่ได้อะไร แต่การจะกลับเองนั้นไม่ใช้เรื่องง่ายเพราะมีกระบวนการที่ออกซ้อนในเรื่องของอิทธิพลอยู่

ผมเคยพบและได้คุยคนงานไทยสองคนเมื่อกลางปีนี้ (เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ) ที่เต้าหยวน เป็นคนงานไทยมาจากภาคอีสาน กำลังพ่นสีเครื่องจักรเก่า (เครื่อง Calender หรือเครื่องรีด พีวีซีเพื่อทำให้ดูใหม่แล้วนำมาขายต่อในเมืองไทย หรือฟิลิปปินส์ อินโดนิเชีย แบบย้อมแมวแหกตาธนาคารว่าเป็นของใหม่ เพื่อขอทำเรื่องกู้) หมอสองคนไม่สวมหน้ากากกันทินเนอร์ทั้งๆ ที่กำลังพ่นสี

ขณะคุยกับเขาทั้งสอง ผมเห็นสภาพสถานที่ทำงานแล้ว ยังนึกไม่ออกว่าพวกเขาอยู่กันอย่างไรเพราะต้องทำงานอาทิตย์ละหกวันด้วยค่าจ้างเดือนละหมื่นกว่า NT$ เศษๆ ในขณะที่ราคาอาหารที่โน่นแพงกว่าบ้านเราเท่าครึ่ง

สภาพที่ทำงานไม่ต้องพูดถึง สกปรกสุดๆ กลิ่นน้ำมันเหม็นหึ่ง ขาดการดูแลเพราะความมักมากของนายจ้าง ทางการของไต้หวันอาจดูไม่ถึงหรือแกล้งไม่ดูก็ได้

ผมเคยนั่งเครื่องบินไปลงที่ไทเปและคุยกับคนงานไทยที่กำลังจะไปเป็นคณะสี่ห้าคนแล้ว เขาเปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ก็อย่างว่า ที่เราเห็นกับความเป็นจริงนั้นไม่เหมือนกัน ไม่มีใครได้ยินข่าวคนงานได้รับอันตรายถึงในในเขตก่อสร้างเพราะนายจ้างปิดข่าวไม่ให้รู้ ก็ระวังกันไว้นะครับ

ผมไม่แน่ใจว่า ปี 2550 มีคนงานไทยเป็นจำนวนเท่าใดแน่ แต่มีสถิติเมื่อ พ.ศ. 2542 มีคนงานไทยไปทำงานที่ไต้หวันกว่า 100,000 คน (ข้อมูลจาก Clean Clothes Campaign) ไม่รู้ว่าดีใจหรือใจหายดี

ก็ระวังไว้บ้างแหละดี ลองดูปัญหาที่คนงานไทยหรือคนงานต่างชาติในไต้หวันมักประสบได้แก่

o ถูกนายจ้างหรือหัวหน้างานคนไต้หวันตะคอก และมักขู่สำทับว่าจะส่งตัวกลับบ้านหากขัดขืน

o สภาพการทำงานหลายแห่งแย่เอามากๆ บางแห่งไม่มีแม้ห้องพยาบาลสำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากคนงานป่วยขึ้นมาคนหนึ่งก็ต้องรอไปก่อน จนกว่าจะมีคนงานคนอื่นป่วยอีก แล้วจึงสมทบไปหาหมอพร้อมๆ กัน

o ค่าจ้างได้น้อยกว่าที่ตกลงกันไว้ บ่อยครั้งที่นายจ้างให้พักแค่ครึ่งชั่วโมง และบ่อยครั้งถูกหักเงินค่าจ้างไปครึ่งหนึ่ง

o ถูกบังคับให้ทำงานโอเวอร์ไทม์หรือนอกเวลาทุกวันแม้ในวันหยุด

o ปัญหาภาษาจีน คนงานพูดกับนายจ้างไม่รู้เรื่อง

o ค่านายหน้าการไปทำงานหรือค่าธรรมเนียมสูงขึ้น เมื่อก่อนคนงานไทยจ่ายค่านายหน้าแค่ 85,000-95,000 บาท แต่ปัจจุบันค่านายหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 180,000 บาท (มากกว่าที่กรมแรงงานกำหนดไว้ไม่เกิน 56,000 บาท)

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Clean Clothes Campaign

Thursday, December 6, 2007

ตอบคำถามผู้อ่าน


ขอตอบเลยนะครับ

1.เอาเสื้อแจ้กเก็ตหนาๆ ติดไปด้วยเพราะช่วงนี้จะหนาวหน่อย หนาวกว่าบ้านเรามาก โดยเฉพาะช่วงกลางคืน กับตอนเช้าๆ หาซื้อจากบ้านเราจะถูกกว่า เสื้อผ้าที่โน่นแพง แม้จะเมด อิน ไชน่าก็ตาม

2.หากไปในนามบริษัทหรือทัวร์ก็น่าจะได้พักดีๆ ย่านไทเปดีกว่าเพราะบริษัทจ่าย(หรือเราจ่ายเงินไปแล้ว) หากไปด้วยเงินตัวเองก็พักโรงแรมราคาย่อมๆ ราคาตกประมาณ พันกว่า NT$ แถวๆ Taipei Main Staion ก็มีโรงแรมราคาไม่แพง

3. ลองซื้อ Taiwan ของ Lonely Planet ก็ได้ครับละเอียดมากซื้อที่ Se Ed ก็มี ราคาเล่มละพันกว่าบาท(ไม่แน่ใจนะครับเพราะผมซื้อมาเจ็ดร้อยกว่า สองสามปีก่อน) หรือที่ร้าน Asia Book หรือร้าน Bookazine (สยามดีสคัพเวอรี่) ก็มีครับ

4.ลองอ่านโลนลี่ แพลนเน็ตดูเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะพอสมควร หรือเปิดดูทีลุงวรรณเอามาให้ดูก็ได้ มีหลายเว็บ เช่น Travel In Taiwan

5. ปัจจุบันคนไต้หวันพูดภาษาอังกฤษได้มากกว่าคนไทย (คิดเเป็นเปอร์เซ็นต์) เด็กรุ่นใหม่พูดสื่อสารได้ คำภาษาจีนง่ายๆ มีไว้ด้านหลัง ไกดฺบุ้คครับ

6.อาหารไต้หวันไม่มีอะไรพิเศษ หากพูดไม่ได้ลองชี้ๆ ดู ราคาหาอาหารตามแผงข้างถนน อยู่ที่ราคา 30-40-50-60 ดอลลาร์NT$ ขึ้นอยู่กับว่าสั่งอะไร ไม่แพงมาก ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่กว่าบ้านเราเยอะ ไม่ใช่แบบใช้ตะเกียบคีบคำเดียวหมดเหมือนบ้านเรา

ลองดูนะครับ
หากท่านใดสนใจรายละเอียดมากกว่านี้ก็เมล์มาถามได้ครับ

ถามเรื่อง Taiwan ครับ

มีคำถามจากผู้อ่าน เห็นว่าคงประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังเดินทางไปเที่ยวไต้หวันครับ เลยนำลงมาให้อ่านกัน

สวัสดีครับคุณลุง วรรณ

ผมอ่านข้อความจากลุงวรรณแล้วรู้สึกมีประโยชน์มากๆครับ ขอบคุณที่ช่วยทำ web ดีๆแบบนี้ขึ้นมา ให้คนอื่นๆมาหาข้อมูลกัน แต่ผมก็มีข้อสงสัยอยากรบกวนถามลุง หลายข้อเลยครับ

- ผมกำลังจะไปไต้หวัน(ไทเปและเกาสง)ในวัน ที่ 9 ธันวาคม 2550 ถึง 12 ธันวาคม 2550 ช่วงนี้อากาศเป็นไงบ้างครับ หนาวมากมั้ยจะได้เตรียมเสื้อกันหนาวไปถูกครับ
- ผมอยากทราบว่าที่ไหนในไทเป ที่เป็นแหล่งวัยรุ่น(คล้ายๆสยามบ้านเรา) แล้วถ้าอยากพักแถวนั้นมีโรงแรมอะไรที่ไม่แพงบ้างหรือเปล่าครับ แล้วถ้าเป็นลุงวรรณแนะนำอยากให้ไปพักที่ไหนบ้างหรือเปล่า
- ผมลองหาแผนที่ไต้หวันตามร้านหนังสือแล้ว แต่ไม่เห็นมีเลยครับ เลยอยากทราบว่าจะสามารถหาได้ที่ไหนบ้างครับ
- มีสถานที่เที่ยวอะไรที่น่าสนใจในไทเปบ้างครับ ทั้งกลางวันและกลางคืนเลย และมีเมืองไหนน่าเที่ยวอีกบ้างครับ
- ผมเคยทราบมาว่าที่ไต้หวันคนพูดภาษาอังกฤษได้น้อย ลุงวรรณมีภาษาจีนคำไหนที่แนะนำให้พกติดตัวไว้ในเวลาจำเป็นบ้างมั้ยครับ
- อาหารที่ขึ้นชื่อของไต้หวัน มีอะไรบ้างครับ จะได้ไม่พลาด

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณลุงวรรณอีกครั้งครับ ที่มีของดีๆมาฝากอยู่ตลอด และต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่อาจจะรบกวนลุงมากไปหน่อย คือว่าผมไม่เคยไปจริงๆ ก็เลยมีคำถามเยอะหน่อย

จะตอบบทความต่อไปครับ